ทราบราคา ภายใน 5 นาที 081 451 7717
เกร็ดความรู้ถมดิน ข้อกฎหมายถมดิน
ถมดินใช้ดินอะไรดีที่สุด และควรถมดินสูงแค่ไหน
การถมดินไม่ใช่แค่การเอาดินมาเทให้เต็ม หากถมดินผิดวิธี เลือกดินผิดประเภท หรือคำนวณพลาด อาจนำมาซึ่งปัญหาบ้านทรุด น้ำท่วมขัง และงบประมาณบานปลาย นี่คือข้อมูลที่จะช่วยให้คุณคุยกับผู้รับเหมาได้รู้เรื่องและไม่โดนเอาเปรียบ
1. เลือก “ชนิดดิน” ให้ถูกกับงาน (Top Search Query)
คำถามยอดฮิตคือ “ใช้ดินอะไรถมดีที่สุด?” คำตอบคือขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และการใช้งานพื้นที่นั้นๆ ครับ
ดินถมทั่วไป (ดินชั้นสอง) :

- ลักษณะ : เนื้อดินแน่น มีความเหนียว
- เหมาะสำหรับ : การถมเพื่อยกระดับพื้นที่ สร้างบ้าน อาคาร
- จุดเด่น : ราคาถูกที่สุด บดอัดแล้วแน่นดีมาก ทรุดตัวน้อย
- ข้อควรระวัง : หากจะปลูกต้นไม้ควรลงหน้าดินทับอีกชั้น
หน้าดิน (Top Soil) :

- ลักษณะ : ดินร่วน สีดำ มีแร่ธาตุสูง
- เหมาะสำหรับ : ปูทับหน้าชั้นบนสุดประมาณ 10-20 ซม. สำหรับทำสวน ปลูกต้นไม้
- ข้อควรระวัง : ราคาสูงมาก ไม่ควรใช้ถมเพื่อรับน้ำหนักโครงสร้าง เพราะเนื้อดินไม่แน่น
ดินลูกรัง :

- ลักษณะ : ดินแข็ง มีหินปน สีแดงหรือส้ม
- เหมาะสำหรับ : ทำถนน ลานจอดรถ โกดัง
- ข้อควรระวัง : แข็งมาก ขุดเจาะทำฐานรากยาก ไม่เหมาะกับการปลูกต้นไม้
ดินดาน (ซีแลค) :

- ลักษณะ : แข็งโป๊ก คล้ายหิน บดอัดแล้วเหมือนพื้นคอนกรีต
- เหมาะสำหรับ : ถมที่แปลงใหญ่ที่ต้องการความแข็งแรงสูง หรือทำถนน
ทราย :

- เหมาะสำหรับ : ถมในโครงการจัดสรร เพราะยุบตัวเร็ว คืนตัวเร็ว (Settlement)
- ข้อควรระวัง : ต้องมีกำแพงกันดินที่แข็งแรงมาก ไม่งั้นทรายจะไหลออกหมดเมื่อโดนน้ำ
2. สูตรคำนวณปริมาณดินและราคา
หลายคนคำนวณแค่ กว้าง X ยาว X สูง แล้วสั่งดินมา ปรากฏว่า “ดินไม่พอ” เพราะลืมคิดเรื่อง “การยุบตัว” (Compaction Factor) ครับ
สูตรคำนวณที่ถูกต้อง
สมมติพื้นที่ของคุณเป็นตารางวา (ตร.ว.) ต้องการถมสูงเป็นเมตร (ม.) :
(ขนาดพื้นที่) X 4 = (ตารางเมตร) X (ความสูงที่ต้องการถม)
แต่เดี๋ยวก่อน ดินที่ขนมาบนรถคือ “ดินร่วน” (Loose Soil) เมื่อนำมาถมและบดอัด มันจะยุบตัวลง คุณต้องเผื่อค่าการยุบตัวประมาณ 20-30%
ตัวอย่าง :
ที่ดิน 100 ตารางวา ต้องการถมสูง 1 เมตร
- ปริมาณเนื้อดินที่ต้องการ : 100 X 4 X 1 = 400
- ปริมาณที่ต้องสั่งจริง : 400 X 1.3 = 520
การคำนวณจำนวนรถบรรทุก (โดยประมาณ)
- รถหกล้อเล็ก : จุได้ประมาณ 3-5 คิว (เหมาะกับซอยแคบ)
- รถหกล้อใหญ่ : จุได้ประมาณ 8-10 คิว
- รถสิบล้อ : จุได้ประมาณ 15-20 คิว (ราคาต่อคิวถูกที่สุด แต่ทำซอยถนนพังง่าย)
3. ควรถมดินสูงแค่ไหน? และรอนานเท่าไหร่กว่าจะสร้าง?
ระดับความสูง (Elevation)
- สูงกว่าถนนหน้าบ้าน : มาตรฐานควรอยู่ที่ 50-80 ซม. เผื่อถนนมีการยกตัวในอนาคตและกันน้ำท่วม
- เทียบกับเพื่อนบ้าน : ไม่ควรสูงกว่าเพื่อนบ้านมากเกินไป เพราะน้ำจากบ้านเราจะไหลไปท่วมเขา อาจเกิดปัญหากฎหมายได้ ต้องทำรางระบายน้ำรอบตัว
ระยะเวลาการเซ็ตตัว (Settlement Time)
การถมดินเสร็จแล้วสร้างเลย = บ้านทรุด พื้นแตก
- ดีที่สุด : ถมทิ้งไว้ 6-12 เดือน (ให้ผ่านฝน 1 ฤดู) ฝนจะช่วยไล่ฟองอากาศและทำให้ดินแน่นโดยธรรมชาติ
- ถ้ารีบ : ต้องใช้รถบดอัด (Compaction) อัดดินทีละชั้น (Layer) ทุกๆ 30-50 ซม. ห้ามเทรวดเดียวแล้วบดอัดทีเดียว เพราะข้างล่างจะกลวง
4. ข้อกฎหมายถมดินที่ควรรู้ (กันไว้ดีกว่าแก้)
- พ.ร.บ. การขุดดินและถมดิน : หากพื้นที่ถมดินเกิน 2,000 ตารางเมตร (ประมาณ 1 ไร่ 1 งาน) ต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น
- การระบายน้ำ : กฎหมายระบุว่า การถมดินต้องมีการระบายน้ำที่เพียงพอ และ ห้าม ทำให้น้ำไหลไปท่วมที่ดินข้างเคียง
- ช่วงเวลาขนส่ง : รถบรรทุกขนดินมักมีเวลาห้ามวิ่ง (เช่น ชั่วโมงเร่งด่วน) ต้องวางแผนให้ดีเพื่อไม่ให้งานสะดุด
5. กลโกงและสิ่งที่ต้องระวัง (Insider Tips)
ขายเป็นคัน vs ขายเหมาวัดหน้างาน :
- ซื้อเป็นคัน : ระวังได้ดินไม่เต็มคิว (กระบะหลวม) หรือดินฟูเกินจริง
- ซื้อเหมา (แนะนำ) : ตกลงราคารวมถมบดอัดให้ได้ระดับที่ต้องการ (วัดระดับด้วยกล้องสำรวจ) วิธีนี้ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบให้ดินเต็มตามระดับ ไม่ว่าเขาจะต้องวิ่งกี่เที่ยวก็ตาม
หมกเม็ดเศษขยะ :
บางครั้งก็มีการแอบเอาเศษอิฐ เศษปูน ขยะก่อสร้าง มาถมชั้นล่างสุด ซึ่งจะทำให้ตอกเข็มไม่ลง หรือดินทรุดตัวเป็นโพรงในอนาคต ต้องตรวจสอบตอนเทดินช่วงแรกให้ดี
บทสรุป
การถมดินที่ดีคือการลงทุนกับความมั่นคงของบ้าน ยอมจ่ายเพิ่มเพื่อ “การบดอัด” และ “ซื้อดินเผื่อการยุบตัว” จะคุ้มค่ากว่าการมาซ่อมบ้านทรุดภายหลังมหาศาลครับ
หากคุณต้องการให้ผมช่วยคำนวณปริมาณดินและประเมินงบประมาณคร่าวๆ สำหรับที่ดินของคุณ ติดต่อสอบถามได้ครับ ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!